วันเสาร์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

โปรเจ็คเรื่องพิพิธภัณฑ์ที่สำคัญของโลก

นทอดน่องสัมผัสงานศิลป์ 3 พิพิธภัณฑ์ของปารีส

ปารีส

Museed  Orsay


ตามรอยศิลป์ร่วมสมัยที่ ปารีส (Lisa)


มหานครอย่าง "ปารีส" ลือนามมานาน ว่าเป็นที่สุดแห่งดินแดนที่ต้องไปเยี่ยมเยือนให้ได้แม้เพียงครั้งในชีวิต เพราะที่นั่นอบอวลไปด้วยอาหารเลิศรส ทั้งยังเป็นมหานครแห่งแฟชั่นชั้นนำ มีสีสันให้สัมผัสแม้เพียงเรื่องราวริมถนน ที่สำคัญเสน่ห์งานศิลป์ของปารีส ยังคงหอมหวานชวนให้หลงใหลไม่เสื่อมคลาย โดย เฉพาะงานศิลป์ร่วมสมัยใน 3 พิพิธภัณฑ์ ที่จะพาไปชมในสัปดาห์นี้


Givemy

Givemy


หวนคำนึงถึงโมเนท์

เมื่อพูดถึงงานศิลป์ร่วมสมัยแล้วไม่เล่าถึง ศิลปะสไตล์อิมเพรสชันนิสม์ (Impressionism) งานนี้ก็คงจะไม่ สวยครบสูตร และที่สำคัญยิ่งกว่า หากตั้งใจมาเยือนปารีสเพื่อเสพงานศิลป์สไตล์นี้ แล้วไม่ได้มาที่ หมู่บ้านจีแวร์นี (Givemy) อันเป็นบ้านเกิดของ โคลด โมเนท์ (Claude Monet) บิดาแห่งศิลปะสไตล์อิมเพรสชันนิสม์ จะถือว่ายังมาไม่ถึงที่สุดแห่งปลายทางตามความตั้งใจ หมู่บ้านแห่งนี้ตั้งอยู่ ณ ชานเมืองทางตะวันตกของปารีส ความสำคัญของหมู่บ้านแห่งนี้ก็คือเป็นสถานที่เกิดของงานศิลป์นับร้อย ๆ ชิ้นฝีมือของ โมเนท์ ที่โด่งดังที่สุดก็คือ ภาพวาดชุดดอกบัวในสระ (Nympheas) ที่วาดจากสวนภายในบ้านหมู่ บ้านแห่งนี้นี่เอง บรรยากาศของสวนที่ปรากฏในภาพชื่อก้องโลกภาพนั้น ในปัจจุบันรัฐบาลฝรั่งเศสได้อนุรักษ์และดูแลให้มีบรรยากาศแบบดั้งเดิมมากที่ สุด

บ้านและสวน แห่งนี้จะเปิดให้เข้าชมเฉพาะในฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนเท่านั้น และจะปิดเมื่อย่างเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวของทุกปี เนื่องจากในห้วงยามดังกล่าวนั้น จะไม่มีต้นไม้และดอกไม้มาเริงระบำให้ผู้คนชื่นชมนั่นเอง ที่สำคัญการที่นักท่องเที่ยวมาเยือนสถานที่แห่งนี้ปีละกว่าล้านคน จึงมีความจำเป็นที่ต้องปิดปรับปรุงและฟื้นฟูบรรยากาศ เล่ากันว่าเมื่อ โมเนท์ เสียชีวิตลงในปี 1926 บ้านและสวนแห่งนี้ได้ใช้เป็นที่พักอาศัยของทายาทเรื่อยมา ก่อนจะปรับปรุงและเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิตอย่างเต็มตัวในปี 1980 และได้กลายมาเป็นจุดหมายในการเดินทางของคองานศิลป์จากทั่วโลก


Musee  Marmottan


"มาร์มอตอง" หัวใจอินเพรสชันนิสม์

ขับรถเพียงไม่กี่อึดใจจาก หมู่บ้านจีแวร์นี ภาพของชนบทที่สงบงามซึ่งอวลไอไปด้วยแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์งานศิลป์ก็จะ กลายเป็นเพียงความทรงจำ และเข้ามาทดแทนด้วยภาพชีวิตจริงอันคับคั่งที่อาจจะอยากเบือนหน้าหนี ยังไม่ทันที่ความทรงจำอันงดงามจะจางหายไปสิ้นก็จะมาถึง พิพิธภัณฑ์มาร์มอตอง (Musee Marmottan) ที่เคยเป็นคฤหาสน์ของ จักรพรรดินโปเลียน และ พระนางโจเชฟีน ซึ่งต่อมาได้เข้ามาอยู่ในความครอบครองของ สถาบันทางศิลปะของฝรั่งเศส (Academie des Besux-Arts)

ซึ่งส่วนใหญ่จะจัดแสดงงานศิลป์สไตล์อิมเพรสชันนิสม์ ที่สำคัญก่อนที่ มิเชล โนเนท์ ลูกชายคนหัวปีของ โมเนท์ จะประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตในปี 1966 เขาได้ทำพินัยกรรมมอบผลงานศิลป์ของบิดากว่า 150 ชิ้น ให้เป็นสมบัติของชาติภายใต้การดูแลของ พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ หลังจากนั้นไม่นาน มาร์มอตอง ก็โด่งดังไปทั่วโลก เพราะเป็นสถานที่รวมผลงานของ โมเนท์ มากที่สุดในโลก โดยเฉพาะภาพวาดชุดหลังที่ได้รับแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์มาจากบรรยากาศของ สวนใน หมู่บ้านจีแวร์นี

ไฮไลต์ของการมาชมพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ก็คือ ส่วนของได้ดินอันเป็นที่จัดแสดงผลงานของ โมเนท์ ในยุคแรก ๆ ในช่วงที่เขายังไม่ชื่อเสียง โดยเฉพาะภาพ "Impression Sunrise" ซึ่งเป็นภาพวาดตอนพระอาทิตย์ขึ้นที่ใช้เทคนิคในการวาดน้ำมันบนผืนผ้าใบขนาด 48x63 เซนติเมตร ที่ยิ่งมองก็ยิ่งสวยและดูประหนึ่งว่ากำลังยืน อาบแสงตะวันอุ่น ๆ ในยามเช้าอย่างไรอย่างนั้นล่ะ ที่สำคัญภาพวาดชิ้นนี้สะท้อนว่าโมเนท์เป็นศิลปินที่มั่นใจในการตวัดฝีแปรง ของตัวเองอย่างมาก ซึ่งการสร้างงานในลักษณะนี้ถือเป็นต้นธารของศิลปะสไตล์อิมเพรสชันนิสม์


Museed  Orsay

Museed  Orsay


แข็งแกร่งแต่งดงามแบบ "ดอร์เซย์"

ด้วยความที่อดีตของ พิพิธภัณฑ์ดอร์เซย์ (Museed Orsay) คือ สถานีรถไฟ จึง ไม่ใช่เรื่องแปลกที่บรรยากาศของสถานที่แห่งนี้จะอวลไอไปด้วยความแข็งแกร่ง ทว่าเมื่อ 20 ปีที่ผ่านมาด้วย วิสัยทัศน์อันเฉียบแหลมต่อศิลปะของรัฐบาลฝรั่งเศส สถานรถไฟแห่งนี้จึงกลายมาเป็น พิพิธภัณฑ์ศิลปะดอร์เซย์ ซึ่งเก็บรวบรวมงานศิลปะชิ้นสำคัญของโลกที่ก่อกำเนิดในระหว่างปี 1838-1915 ซึ่งถือว่าเป็นศิลปะสไตล์ร่วมสมัยไม่ว่าจะเป็นงานจิตรกรรม ประติมากรรม ภาพถ่ายเรื่อยมาถึงของแต่งบ้านสไตล์อาร์ตนูโว ถือว่าเป็นงานศิลปะรุ่นใหม่ที่หลุดออกาจากงานศิลปะ ที่จัดแสดงใน พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ แรงดึงดูดสำคัญของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้คือสถานที่รวมภาพวาดแนวอิมเพรสชันนิสม์ ระดับมาสเตอร์พืชที่มากที่สุดในโลก

บรรยากาศโล่งโปร่งแบบสถานรถไฟไอน้ำสมัยโบราณของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ สร้างความน่าสนใจให้แก่งานศิลป์ได้ไม่น้อย นับตั้งแต่นิทรรศการงานประติมากรรมในส่วนจัดแสดงชั้น 1 ที่โดดเด่นด้วยงานประติมากรรมตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 เรื่อยมาถึงห้องจัดแสดงภาพเขียนสไตล์อิมเพรสชันนิสม์ 14 ภาพผลงานของศิลปินชื่อก้องโลก ไม่ว่าจะเป็นภาพ The Balcony, Olympia ผลงานของ เอดูอาร์ด มาเนท์ (Edouard Manet) รวมถึงภาพชุด Lily Pond นั่นก็คือภาพสะพานญี่ปุ่นเหนือสระน้ำในหมู่บ้านจีแวร์นีของโมเนท์

คลิกเลยคับ

http://www.mediafire.com/?e1u10cjgw0un53q

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น